วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การเดินเพื่อสุขภาพ


มา เดิน เพื่อสุขภาพกันเถอะ
คนทำงานออฟฟิศอย่างเรา ๆ ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าในแต่ละวันงานยุ่งมาก กว่าจะเสร็จงานก็หมดวันแล้ว จะหาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกายล่ะ ท่านทราบมั๊ยคะ? การทำงานนั่งโต๊ะทั้งวันโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย

การเดินเพื่อสุขภาพ
เริ่มต้นกันเลย หาเวลาว่างวันพรุ่งนี้ ประมาณ 20-40 นาที แล้วออกไปเดินกัน เตรียมเสื้อผ้าและรองเท้าที่ใส่สบายๆไปด้วย การเดินเพื่อสุขภาพ ไม่ควรทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยอ่อน แต่ควรจะทำให้คุณรู้สึกสนุก
อย่าหักโหมจนเกินไป คุณอาจทดสอบว่าตัวเองหักโหมไปหรือไม่ ด้วยวิธีง่ายๆ โดยลองพูดในระหว่างการเดิน ถ้าคุณต้องหยุดพูดเพื่อหายใจ แสดงว่าคุณกำลังหักโหมมากเกินไป คุณอาจจะนัดเพื่อนของคุณ และคุยกันระหว่างเดิน แทนที่จะนัดกันที่ร้านกาแฟ หรือคุณอาจใช้วิธีเดินไปซื้อของแทนการใช้รถ และถ้าคุณมีของที่ต้องนำติดตัวไปด้วย ลองใช้กระเป๋าที่ใช้สะพายหลังเพื่อเก็บของ การถือของในมือ จะทำให้คุณเหนื่อย และเมื่อยล้า ระหว่างทางลองสังเกตุสิ่งรอบๆตัวคุณ คุณจะพบว่ามีสิ่งที่คุณไม่เคยสังเกตุเห็นเลยในขณะที่คุณขับรถ คุณอาจจะเห็นท่าทางแปลกๆ ของสัตว์เลี้ยง รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้คน ของตั้งโชว์ตามหน้าร้านข้างถนน
หลังจากที่คุณเริ่มเดินไปได้ 2-3 เดือน ลองสำรวจความรู้สึกของตัวคุณเอง อย่าหวังว่าตัวคุณจะรู้สึกแข็งแรง หรือรู้สึกว่ามีพละกำลังมาก สิ่งที่คุณจะรู้สึกคือ คุณไม่รู้สึกอ่อนเพลียจากการเดิน หรือถ้ามีก็มักหายไปใน 1-2 ชั่วโมง แต่อารมณ์และความรู้สึกของคุณจะดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
เตรียมร่างกายของคุณก่อนการเดิน (วอร์มอัพ) คุณควรจะรู้สึกสนุกเช่นเดียวกันขณะที่คุณกำลังวอร์มอัพ การเตรียมร่างกายให้พร้อมจะช่วยลดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการออกกำลัง การวอร์อัพจะเพิ่มเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ เพิ่มออกซิเจนไปยังเซลต่างๆ และพร้อมสำหรับการออกกำลัง การวอร์มอัพจะดึงยืดกล้ามเนื้อเอ็น ให้พร้อม รวามทั้งสภาพทางจิตใจของคุณด้วย คุณอาจวอร์มอัพด้วยการเดินช้าๆ ประมาณ 5-10 นาทีก่อนเริ่มเดินจริง
ค่อยๆเพิ่มการเดินทีละน้อย คุณอาจจะเริ่มด้วยการเดินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ประมาณ 2 เดือน แล้วเพิ่มขึ้นเป็นวันเว้นวันอีกประมาณ 2 เดือน เพิ่มเป็น 4-5 วันต่อสัปดาห์ จนในที่สุด ทุกวัน ร่างกายของคุณต้องการการปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป การเริ่มต้นออกกำลังมากๆ โดยทันทีอาจจะทำให้ร่างกายคุณได้รับบาดเจ็บได้
จดบันทึกการเดินของคุณ แล้ววางบันทึกการเดินของคุณในตำแหน่งที่คุณเห็นง่ายๆ เช่นที่ประตูของตู้เย็น จดบันทึกทุกอย่างที่สามารถนับได้ โดยจดบันทึกทุกสัปดาห์ เช่น จำนวนวันที่คุณเดินต่อสัปดาห์ เวลาที่คุณใช้ในการเดิน ระยะทางที่เดิน เป็นต้น บันทึกเหล่านี้จะเป็นเพื่อนที่ช่วยเตือนคุณ ให้กำลังใจคุณ และเมื่อคุณทำได้ตามเป้าที่วางไว้ ให้รางวัลกับตัวเองด้วยอุปกรณ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการเดิน เช่น รองเท้าคู่ใหม่ ถุงเท้าคู่ใหม่ หรือไปพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ปรับปรุงวิธีการเดินของคุณ เดินตัวตรง ขณะเดินให้เท้าคุณสัมผัสพื้นจากส้นเท้าไปปลายเท้า ถ้าเดินขึ้นเนิน เดินให้ช้าลง เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย แกว่งแขนให้มากขึ้นเล็กน้อย เมื่อเดินลงเนิน พยายามควบคุมความเร็วไว้ก้าวสั้นๆ และวางเท้าเบาๆ
เปลี่ยบบรรยากาศในการเดิน เมื่อคุณเดินทุกวันได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว คุณจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินใดๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศการเดินไปเดินในที่ต่างๆ หรืออาจลองเดินให้เร็วขึ้น หรือเดินให้ได้ระยะทางมากขึ้น
คุณอาจใช้เวลาในการพักดื่มกาแฟของคุณมาใช้เป็นการเดินแทน ถ้าคุณไม่มีเวลาจริงๆ เวลา 10 นาทีในการดื่มกาแฟในตอนสายและตอนบ่าย ก็เพียงพอสำหรับการเดินเพื่อสุขภาพ และถ้าคุณเดินแล้ว ยังรู้สึกอยากดื่มกาแฟ ก็ดื่มได้ แต่โดยส่วนใหญ่ คุณมักจะรู้สึกสดชื่นจนไม่อยากดื่มกาแฟอีก
มา เดิน เพื่อสุขภาพกันเถอะ
คนทำงานออฟฟิศอย่างเรา ๆ ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าในแต่ละวันงานยุ่งมาก กว่าจะเสร็จงานก็หมดวันแล้ว จะหาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกายล่ะ ท่านทราบมั๊ยคะ? การทำงานนั่งโต๊ะทั้งวันโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย

การเดินเพื่อสุขภาพ
เริ่มต้นกันเลย หาเวลาว่างวันพรุ่งนี้ ประมาณ 20-40 นาที แล้วออกไปเดินกัน เตรียมเสื้อผ้าและรองเท้าที่ใส่สบายๆไปด้วย การเดินเพื่อสุขภาพ ไม่ควรทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยอ่อน แต่ควรจะทำให้คุณรู้สึกสนุก
อย่าหักโหมจนเกินไป คุณอาจทดสอบว่าตัวเองหักโหมไปหรือไม่ ด้วยวิธีง่ายๆ โดยลองพูดในระหว่างการเดิน ถ้าคุณต้องหยุดพูดเพื่อหายใจ แสดงว่าคุณกำลังหักโหมมากเกินไป คุณอาจจะนัดเพื่อนของคุณ และคุยกันระหว่างเดิน แทนที่จะนัดกันที่ร้านกาแฟ หรือคุณอาจใช้วิธีเดินไปซื้อของแทนการใช้รถ และถ้าคุณมีของที่ต้องนำติดตัวไปด้วย ลองใช้กระเป๋าที่ใช้สะพายหลังเพื่อเก็บของ การถือของในมือ จะทำให้คุณเหนื่อย และเมื่อยล้า ระหว่างทางลองสังเกตุสิ่งรอบๆตัวคุณ คุณจะพบว่ามีสิ่งที่คุณไม่เคยสังเกตุเห็นเลยในขณะที่คุณขับรถ คุณอาจจะเห็นท่าทางแปลกๆ ของสัตว์เลี้ยง รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้คน ของตั้งโชว์ตามหน้าร้านข้างถนน
หลังจากที่คุณเริ่มเดินไปได้ 2-3 เดือน ลองสำรวจความรู้สึกของตัวคุณเอง อย่าหวังว่าตัวคุณจะรู้สึกแข็งแรง หรือรู้สึกว่ามีพละกำลังมาก สิ่งที่คุณจะรู้สึกคือ คุณไม่รู้สึกอ่อนเพลียจากการเดิน หรือถ้ามีก็มักหายไปใน 1-2 ชั่วโมง แต่อารมณ์และความรู้สึกของคุณจะดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
เตรียมร่างกายของคุณก่อนการเดิน (วอร์มอัพ) คุณควรจะรู้สึกสนุกเช่นเดียวกันขณะที่คุณกำลังวอร์มอัพ การเตรียมร่างกายให้พร้อมจะช่วยลดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการออกกำลัง การวอร์อัพจะเพิ่มเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ เพิ่มออกซิเจนไปยังเซลต่างๆ และพร้อมสำหรับการออกกำลัง การวอร์มอัพจะดึงยืดกล้ามเนื้อเอ็น ให้พร้อม รวามทั้งสภาพทางจิตใจของคุณด้วย คุณอาจวอร์มอัพด้วยการเดินช้าๆ ประมาณ 5-10 นาทีก่อนเริ่มเดินจริง
ค่อยๆเพิ่มการเดินทีละน้อย คุณอาจจะเริ่มด้วยการเดินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ประมาณ 2 เดือน แล้วเพิ่มขึ้นเป็นวันเว้นวันอีกประมาณ 2 เดือน เพิ่มเป็น 4-5 วันต่อสัปดาห์ จนในที่สุด ทุกวัน ร่างกายของคุณต้องการการปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป การเริ่มต้นออกกำลังมากๆ โดยทันทีอาจจะทำให้ร่างกายคุณได้รับบาดเจ็บได้
จดบันทึกการเดินของคุณ แล้ววางบันทึกการเดินของคุณในตำแหน่งที่คุณเห็นง่ายๆ เช่นที่ประตูของตู้เย็น จดบันทึกทุกอย่างที่สามารถนับได้ โดยจดบันทึกทุกสัปดาห์ เช่น จำนวนวันที่คุณเดินต่อสัปดาห์ เวลาที่คุณใช้ในการเดิน ระยะทางที่เดิน เป็นต้น บันทึกเหล่านี้จะเป็นเพื่อนที่ช่วยเตือนคุณ ให้กำลังใจคุณ และเมื่อคุณทำได้ตามเป้าที่วางไว้ ให้รางวัลกับตัวเองด้วยอุปกรณ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการเดิน เช่น รองเท้าคู่ใหม่ ถุงเท้าคู่ใหม่ หรือไปพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ปรับปรุงวิธีการเดินของคุณ เดินตัวตรง ขณะเดินให้เท้าคุณสัมผัสพื้นจากส้นเท้าไปปลายเท้า ถ้าเดินขึ้นเนิน เดินให้ช้าลง เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย แกว่งแขนให้มากขึ้นเล็กน้อย เมื่อเดินลงเนิน พยายามควบคุมความเร็วไว้ก้าวสั้นๆ และวางเท้าเบาๆ
เปลี่ยบบรรยากาศในการเดิน เมื่อคุณเดินทุกวันได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว คุณจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินใดๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศการเดินไปเดินในที่ต่างๆ หรืออาจลองเดินให้เร็วขึ้น หรือเดินให้ได้ระยะทางมากขึ้น
คุณอาจใช้เวลาในการพักดื่มกาแฟของคุณมาใช้เป็นการเดินแทน ถ้าคุณไม่มีเวลาจริงๆ เวลา 10 นาทีในการดื่มกาแฟในตอนสายและตอนบ่าย ก็เพียงพอสำหรับการเดินเพื่อสุขภาพ และถ้าคุณเดินแล้ว ยังรู้สึกอยากดื่มกาแฟ ก็ดื่มได้ แต่โดยส่วนใหญ่ คุณมักจะรู้สึกสดชื่นจนไม่อยากดื่มกาแฟอีก

ไม่มีความคิดเห็น: